เคล็ดลับเพิ่มคะแนนสอบ IELTS เตรียมสอบ IELTS และ download หนังสือ IELTS โดยใช้เทคนิคที่ง่ายและสนุก :: For those who seek the secrets for getting high score in IELTS, preparing for IELTS, and downloading IELTS book by using fun and simple techniques.
วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
Speaking Part 1: Hometown/Village
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
จะถามเกี่ยวกับย่านที่อยู่หรือบ้านเกิดของเรา
ว่ามีสถานที่อะไร มีอะไรโดดเด่น เพื่อนบ้านเป็นยังไง
หมวด Hometown/village เจอได้บ่อยมากใน Speaking Part 1
ดังนั้น เราจึงควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดตอนสอบ
อีกสิ่งที่สำคัญ คือ topic-specific vocabulary
หรือ คำศัพท์เฉพาะหมวด
(สังเกตคำที่เป็นตัวหนา)
What kind of place is it?
I live in a condominium village called LPN which is in Ramindhra which is in Northern part of Bangkok, about one-hour drive from Siam Square. It is a green and peaceful village in suburban area and it has got a really relaxed atmosphere and excellent amenities. About five hundred people live in this village.
What’s the most interesting part of your home area?
One of the most interesting features of my home area is the means of transport. Fortunately, it is near a convenient bus route, sky train and subway system so people do not have to commute to a far place to do their work. There is also a plan to extend the sky train to my home area in the future. It is also near Don Muang domestic airport. Another thing is I enjoy a sense of community here.
What kind of jobs do people in your town/village do?
Mostly inhabitants of this village are employees of government authorities but some of them are workers of private companies such as ABC Airways.
Would you say it is a good place to live? Why?
Totally, I would recommend anyone to live here. Apart from convenient means of transport, it is located near many department stores such as ....., as well as a fascinating historic town of Ayutthaya, the old capital city of Thailand 600 years ago. There are plenty of historic sites and temples in this province.
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555
Speaking Part 1: Leisure
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ถามว่าช่วงวันหยุดอยากไปไหน
หมวด Leisure เจอได้บ่อยมากใน Speaking Part 1
ดังนั้น เราจึงควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดตอนสอบ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Speaking Part 1: Visitors
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
สถานที่ท่องเที่ยว นักท่องเที่ยว
และการท่องเที่ยวของประเทศเรา
เราควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดตอนสอบ
อีกสิ่งที่สำคัญ คือ
topic-specific vocabulary
หรือ คำศัพท์เฉพาะหมวด
(สังเกตคำที่เป็นตัวหนา)
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Speaking Part 1: Food
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
คำถามหมวด Food จะถามเกี่ยวกับอาหารที่เราชอบ อาหารของประเทศเรา และความเห็นของ
เราเกี่ยวกับอาหารต่างประเทศ
เราควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดตอนสอบ
อีกสิ่งที่สำคัญ คือ topic-specific vocabulary
หรือ คำศัพท์เฉพาะหมวด
(สังเกตคำที่เป็นตัวหนา)
What kind of food do you like?
I definitely like Thai food, especially the dishes with hot and sour tastes like ‘Tom Yum Koong’. It is very famous traditional Thai dish and it is a spicy, sour and creamy soup with fresh large king prawns which you can easily find in Thailand. Thai people usually eat it with rice. It usually came on the top of my most favorite dish.
What are typical Thai foods?
Typically, Thai foods are dishes which are mostly soup with hot and sour tastes and a lot of herbs like lemongrass, ginger and lime. They are normally served with rice. Some Thai exotic and famous dishes are, for example, papaya salad, or so called ‘Som Tum’.
Is cooking a man’s or a woman’s job?
Stereotypically, it is a woman’s job to do housework like cooking and cleaning. However, nowadays as the world is more equal for both men and women, I think cooking can be shared by both genders and cooking is fun so the men may want to do it too.
How do you like foreign food?
I like foreign food as much as Thai food, particularly, Italian foods like parma ham pizza, carbonara spaghetti, and lazanya because they are delectable and so different from Thai dishes in ingredients and tastes. Mostly, cheese is the main ingredient that makes Italiand dishes salty and creamy and I love it!
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Speaking Part 1: Language
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
คำถามหมวด Language จะถามเกี่ยวกับประสบการณ์
การเรียนและการใช้ภาษาอังกฤษของเรา
เราควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดตอนสอบ
อีกสิ่งที่สำคัญ คือ topic-specific vocabulary
หรือ คำศัพท์เฉพาะหมวด (สังเกตคำที่เป็นตัวหนา)
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Writing Task 2: Pros & Cons Essay
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้วิธีการเขียน Pros & Cons Essay
Pros & Cons Essay เป็น เรียงความที่ออกใน part Writing ของ IELTS / TOEFL อยู่บ่อยครั้ง
Pros & Cons Essay เป็นการเขียนข้อดี (pros) และข้อเสีย (cons)
ของความเห็น (statement) ที่โจทย์ให้มา
แผนการเขียน (Plan)
ย่อหน้า 1 | Introduction | |
ย่อหน้า 2 | ข้อดี (pros / advantages) | |
ย่อหน้า 3 | ข้อเสีย (cons / disadvantages) | |
ย่อหน้า 4 | Conclusion |
หมายเหตุ นอกจากคำว่า pros กับ cons แล้วเรายังใช้คำพวกนี้ได้อีก
ข้อดี | ข้อเสีย | |
advantage benefit positive aspect favorable point |
disadvantage drawback negative aspect unfavorable point |
รูปการเขียน (Format)
[Introduction]
Nowadays, ................... . It is probably true to say that ....<ถอดความ statement ที่โจทย์ให้มา>... .
There are many positive aspects about <หัวข้อของ statement> but there are some definite drawbacks.
Thus, in this essay, both sides of this issue will be discussed.
[ข้อดี pros]
On the one hand, there are some clear benefits associated with .... <หัวข้อของ statement> .... .
A very distinctive advantage is that ......<ข้อดี 1>....... For example, .......<ตัวอย่าง 1>......
In addition, one of the obvious advantages is that ......<ข้อดี 2>....... For instance, .......<ตัวอย่าง 2>......
Another advantage is that ......<ข้อดี 3>....... As an illustration, .......<ตัวอย่าง 3>......
[ข้อเสีย cons]
On the other hand, there are some unfavorable points about .... <หัวข้อของ statement> .... .
Firstly,......<ข้อเสีย 1>....... For example, .......<ตัวอย่าง 1>......
Secondly,......<ข้อเสีย 2>....... For example, .......<ตัวอย่าง 2>......
Finally, ......<ข้อเสีย 3>....... As an illustration, .......<ตัวอย่าง 3>......
[Conclusion]
> ถ้าข้อดีมีน้ำหนักมากกว่า
Taking into account of all factors, I may reach the conclusion that the benefits of <หัวข้อของ statement> slightly outweigh the drawbacks.
> ถ้าข้อเสียมีน้ำหนักมากกว่า
Taking into account of all factors, I may reach the conclusion that the drawbacks of <หัวข้อของ statement> slightly outweigh the benefits.
Credits: Enconcept, Bright Brain
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Writing Task 2: Agree & Disagree Essay
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้วิธีการเขียน Agree & Disagree Essay
Agree & Disagree Essay เป็น เรียงความแบบพื้นฐาน และง่ายที่สุด
นิยมใช้เขียนในการสอบ IELTS / TOEFL
Agree & Disagree Essay เป็นการเขียนเหตุผลที่เราเห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วย
กับความเห็น (statement) ที่โจทย์ให้มา
แผนการเขียน (Plan)
ถ้าไม่เห็นด้วย | ถ้าเห็นด้วย | |
ย่อหน้า 1 | Introduction | Introduction |
ย่อหน้า 2 | เหตุผลที่เห็นด้วย (agree) | เหตุผลที่ไม่เห็นด้วย (disagree) |
ย่อหน้า 3 | เหตุผลที่ไม่เห็นด้วย (disagree) | เหตุผลที่เห็นด้วย (agree) |
ย่อหน้า 4 | Conclusion | Conclusion |
รูปการเขียน (Format)
[Introduction]
Nowadays, ................... . It is probably true to say that ....<ถอดความ statement ที่โจทย์ให้มา>... .
However, other people may disagree. Thus, in this essay, both sides of this issue will be discussed.
[เหตุผลที่เห็นด้วย agree]
On the one hand, no one can deny that ....<ถอดความ statement ที่โจทย์ให้มา>..... on account of several reasons.
A very distinctive reason is that ......<เหตุผล 1>....... For example, .......<ตัวอย่าง 1>......
In addition, one of the obvious reason is that ......<เหตุผล 2>....... For instance, .......<ตัวอย่าง 2>......
Another reason is that ......<เหตุผล 3>....... As an illustration, .......<ตัวอย่าง 3>......
[เหตุผลที่ไม่เห็นด้วย disagree]
On the other hand, other people may argue due to plentiful reasons.
Firstly,......<เหตุผล 1>....... For example, .......<ตัวอย่าง 1>......
Secondly,......<เหตุผล 2>....... For example, .......<ตัวอย่าง 2>......
Finally, ......<เหตุผล 3>....... As an illustration, .......<ตัวอย่าง 3>......
[Conclusion]
> ถ้าเห็นด้วย (for ขึ้นหน้า)
Taking into account of all factors, I may reach the conclusion that the arguments for slightly outweigh the arguments against. Therefore, I agree that ....<ถอดความ statement ที่โจทย์ให้มา>..... .
> ถ้าไม่เห็นด้วย (against ขึ้นหน้า)
Taking into account of all factors, I may reach the conclusion that the arguments against slightly outweigh the arguments for. Therefore, I disagree that ....<ถอดความ statement ที่โจทย์ให้มา>..... .
Credits: Enconcept, Bright Brain
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Speaking Part 1: Study
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
คำถามหมวด Study จะถามเกี่ยวกับการเรียนของเราในปัจจุบัน
หมวด Study เจอได้บ่อยมากใน Speaking Part 1
ดังนั้น เราจึงควรเตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า
เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดตอนสอบ
อีกสิ่งที่สำคัญ คือ topic-specific vocabulary หรือ คำศัพท์เฉพาะหมวด
(สังเกตจากคำที่เป็นตัวหนา)
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เคล็ดไม่ลับ IELTS Writing
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
Task 1 | โจทย์จะให้ graph, table, chart หรือ diagram มา เราต้อง - บรรยาย สรุป อธิบาย ข้อมูลในนั้น หรือ - บรรยายขั้นตอนในกระบวนการ (process) หรือ - บรรยายวิธีการทำงาน (how something works |
Task 2 | เราต้อง เขียนเรียงความ - agree & disagree: เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับความเห็น - pros & cons: ข้อดีกับข้อเสียของสิ่งของหรือการกระทำ - causes & effects: สาเหตุกับผลของการกระทำ - problems & solutions: ปัญหากับทางแก้ไข |
เทคนิคการเขียน
การบริหารเวลา
เราควรใช้เวลา 20 นาที เขียน Task 1 (150 คำ)
และควรใช้เวลา 40 นาที เขียน Task 2 (250 คำ)
Task 1 | Task 2 | |
วางแผนการเขียน | 3 นาที | 5 นาที |
เขียน | 14 นาที | 30 นาที |
ตรวจทาน | 3 นาที | 5 นาที |
* อย่าลืมว่า Task 2 มีคะแนนมากกว่า Task 1
ดังนั้นเมื่อผ่านไป 20 นาที ไปเริ่มเขียน Part 2 ทันที ไปทุ่มเทให้ Part 2 ดีกว่า
ก่อนเริ่มเขียน
- อ่านคำสั่งให้ละเอียด ดูว่าโจทย์ถามอะไรบ้าง เพราะเราต้องตอบให้ครบ
- ต้องวางแผนก่อนเริ่มเขียน
- อย่าเขียนน้อยกว่าจำนวนคำที่กำหนด
- เขียนเป็นย่อหน้า อย่าเขียนเป็นข้อๆ หรือ note form
- ตอบให้ครบทุกจุดที่โจทย์ถาม
- เขียนให้แต่ละย่อหน้ามีเนื้อหาที่เชื่อมโยงกัน (Coherence)
- ถอดความ (Paraphrase) จากคำถาม อย่าลอกคำหรือวลีมาจากคำถาม
- เช่น Why do some people learn the culture of other countries more than others?
- paraphrase: The reason that someone learns the other nations' tradition more than others is ....
เทคนิคการตรวจทาน
- ความสอดคล้องของประธานกับกริยา (Subject-verb agreement) ถูกต้อง ?
เช่น He go to park. (ผิด) -> He goes to park (ประธานเอกพจน์ กริยาต้องเติม s)
- Tense ถูกต้อง ?
เช่น He was a teacher for four years. (ผิด) -> He has been a teacher for four years.
for four years แสดงถึง Present Perfect Tense หรือ เหตุการณ์ที่เกิดต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน
- ตัวสะกดถูกต้อง ?
- คำนามเอกพจน์ / พหูพจน์ เขียนถูกต้อง ?
- ชื่อเฉพาะ ชื่อคน ชื่อสถานที่ หรือชื่อเมือง ต้องขึ้นต้นด้วยตัวพิมพ์ใหญ่
เช่น Harry Potter, Birmingham Palace, London, United Kingdom
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Writing Task 1: เทคนิคการเชื่อมโยง (Coherence)
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ตัวเชื่อมประโยค Writing Task 1 มี 2 กลุ่มหลักๆด้วยกันครับ
กลุ่มที่ 1 ใช้พูดถึงข้อมูลหรือลักษณะที่โดดเด่น
1.1 | It is | interesting obvious noticeable |
that ... |
1.2 | Surprisingly, Interestingly, |
+ S + V | |
1.3 | A striking An outstanding * The most remarkable |
point is that ... |
* ใช้พูดถึงจุดสูงสุด-ต่ำสุด เท่านั้น
ตัวอย่าง
It is interesting that the highest crime rate was recorded in Thailand.
Surprisingly, the highest crime rate was recorded in Thailand.
A striking point that the highest crime rate in the United States decreased by 5%.
กลุ่มที่ 2 คำเชื่อมทั่วไปที่ใช้บ่อยๆ
Similarly, Likewise, Correspondingly, |
S+V | ในทางเดียวกัน (เมื่อพูดถึงสิ่งที่มีค่าไปในทางเดียวกัน) |
|
Contrastly, Conversely, In contrast, On the contrary, |
S+V | ในทางกลับกัน (เมื่อพูดถึงสิ่งที่มีค่าสวนทางกัน) |
|
Besides, In addition, Moreover, Furthermore, |
S+V | นอกจากนี้ (2 ตัวบน) ที่สำคัญกว่านั้น (2 ตัวล่าง) |
ตัวอย่าง
The number of bus travelers increased significantly from 2% to 7%. Similarly, there was a sharp rise in number of car users by 5%.
The population of India increased significantly from 2% to 7%. Conversely, there was a rapid drop in that of France by 5%.
Credits: Bright Brain
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Writing Task 1: เทคนิคการเปรียบเทียบ (Comparison)
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
quantifier และ จำนวนเท่าของค่าสองค่า
quantifier หรือ คำบ่งบอกปริมาณ
เกือบจะ | nearly, just under | |
มากกว่า | more than, over | |
ประมาณ | about, approximately, roughly | |
อย่างแน่นอน | exactly |
กี่เท่า
ครึ่ง = half | |
2 เท่า = double, twofold, two times, twice | |
3 เท่า = triple, threefold, three times | |
4 เท่า = quadruple, fourfold, four times |
การเขียนเปรียบเทียบค่าสองค่าจะมี 2 โครงสร้างประโยคให้เลือกใช้ครับ
** Structure 1 **
ตัวมาก + V + | quantifier | + กี่เท่า + | as much .... นามนับไม่ได้ .... as many .... นามนับได้ .... higher than (ขั้นกว่า) |
+ ตัวน้อย |
ตัวอย่าง
- The proportion of London had over triple as many people as Paris.
- The figure for the condominium was about four times higher than the townhouse.
** Structure 2 **
There | was were |
+ quantifier + กี่เท่า + | as much as many |
+ ตัวมาก + as + ตัวน้อย |
ตัวอย่าง
- There were approximately triple as many London as Paris.
- There were exactly twofold as much condominium as townhouse.
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Basics: Writing Task 2 > Conclusion
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
Conclusion = Transition + Paraphrase of thesis statement + Your opinion (ถ้าโจทย์ต้องการ)
1. คำขึ้นต้น (Transition)
To sum up, To summarize, To conclude In summary, In conclusion, Thus Finally, Consequently, Accordingly |
2. ก่อนเขียน conclusion ให้อ่าน introduction อีกรอบ
โดยให้ความสนใจกับ thesis statement และ topic sentence
เพื่อจะได้รู้ main idea และ main sub-points
3. ถอดความ thesis statement โดยไม่ใช้คำซ้ำ
4. สรุป main points โดยไม่ใช้คำซ้ำ
5. ไม่ควรพูดเรื่องใหม่
Credits: Enconcept
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เพิ่มคะแนน Writing Task 2 ด้วย Academic Writing
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ใน Writing Task 2 เราจะต้องเขียนเรียงความ (essay) หนึ่งในสี่แบบ คือ
- agree & disagree: เห็นด้วย หรือ ไม่เห็นด้วยกับความเห็น
- pros & cons: ข้อดีกับข้อเสียของสิ่งของหรือการกระทำ
- causes & effects: สาเหตุกับผลของการกระทำ
- problems & solutions: ปัญหากับทางแก้ไข
นอกจากเนื้อหาแล้ว รูปแบบของการเขียน
หรือ writing style ยังมีความสำคัญด้วย
รูปแบบการเขียนที่ควรใช้ใน Writing Task 2
คือ "Academic Writing"
Academic Writing คืออะไร
Academic Writing คือ แนวทางการเขียนแบบเป็นทางการ
อย่าลืมว่ามันเป็นเพียงแนวทาง ไม่ใช่สิ่งที่ต้องทำในการสอบ IELTS
ฉะนั้น ไม่ต้องเครียดกับมันมากนะครับ แค่ลองทำดู
Academic Writing เขียนยังไง
1. ใช้คำศัพท์ที่มีความหมายตรงตัว ไม่วกวน ไม่ซ้ำซ้อน
: ( return back, new innovations (ซ้ำซ้อน)
: ( It is essential for small children to learn turn-taking. (small children คือ เด็กตัวเล็ก)
: ) It is essential for young children to learn turn-taking.
(ถ้าจะพูดถึงเด็กเล็ก / เด็กอายุน้อย แบบเด็กอนุบาล ต้องใช้คำว่า young children)
2. ใช้คำศัพท์แนว academic
เช่น particularly, participate in, allow, solution, appropriate
Perhaps, this would seem to be the appropriate solution.
It is particularly essential for small children to learn turn-taking.
Students should be allowed to make their own decisions.
3. ใช้ passive voice แทนสรรพนาม I, you, we
: ( We should allow students to make their own decisions.
: ) Students should be allowed to make their own decisions.
4. ใช้ I, my ได้เมื่อพูดถึงความเห็นของเรา (personal opinion)
: ) I don't think it is essential for kids to study P.E.
5. ใช้โครงสร้าง "It is + adj. + {whether หรือ that} + subject + verb"
: ) It is controversial whether students should study P.E.
6. ใช้ภาษาที่แสดงถึงความไม่แน่ใจ
เช่น Perhaps, On balance, would seem to + v.inf, may + v.inf
This action is perhaps too radical for our country.
On balance, this would seem to be the greatest event of the year.
Poverty may be caused by illiteracy.
4 ไม่ใน Academic Writing
- ไม่ ใช้ idiom
- ไม่ ขึ้นต้นประโยคด้วย and, but
- ไม่ ใช้รูปย่อของ verb ช่วย เช่น don't doesn't didn't
- ไม่ ใช้ phrasal verb เช่น look after, find out, come across
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Basics: Writing Task 2 > Introduction
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
Thesis statement
- เป็นประโยคที่รวมใจความสำคัญของเรียงความ
- มักจะเป็นประโยคสุดท้ายของ Introduction
เทคนิคการเขียน Introduction
เทคนิคที่ง่ายที่สุด คือ "Move from general to specific"
ตัวอย่าง
จะเห็นได้ว่า
ประโยคแรก พูดถึง โทรทัศน์ กับ คนทั่วไป (general)
ประโยคที่สอง พูดถึง เนื้อหาของโทรทัศน์ กับ เด็ก ซึ่งเป็นวงที่แคบลง เฉพาะเจาะจงมากขึ้น (specific)
ประโยคสุดท้าย เป็น thesis statement บ่งบอกว่าในเรียงความนี้เราจะพูดถึงเหตุผลที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับ statement
Credits: Enconcept
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Basics: Writing Task 2 > Coherence
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เราสามารถทำให้เนื้อหาสอดคล้องกันได้โดย
- Time Order | เรียงตามเวลา |
- Spatial Order | เรียงตามตำแหน่ง |
- Order of Importance | เรียงตามความสำคัญ |
- Time Order | |
first, earlier, before, since | อันดับแรก, ก่อน |
while, when, meanwhile, whereas, by the time* | ในขณะที่ |
then, after, later, next, soon, afterward, from then on (จากนั้นมา) | หลังจากนั้น |
finally, eventually, lastly, at last, lastly, in the end, last but not least | ท้ายที่สุด |
by the time* ใช้กับ present perfect | |
- Spatial Order | |
to the left, to the right, in front of, next to, above, between | |
- Introducing additional ideas (พูดถึงประเด็นต่อไป) | |
next, besides, in addition, also, another reason | นอกจากนั้น |
the most important, moreover, furthermore | ยิ่งไปกว่านั้น |
first of all, firstly, secondly, thirdly, last, finally | ลำดับ 1, 2, 3 |
ตัวอย่าง
Time Order
- Whereas / While she was talking to her friends, her mother arrived home.
- First, the egg is stirred in the bowl. Afterward, it is mixed with the flour.
Spatial Order
- Martin sits to the left of Marina and to the right of Marcus so he is between Marina and Marcus.
Introducing additional ideas
- Women's rights are given more importance worldwide.
Moreover, women have more voice in the society than in the past.
- Education is important for many reasons. Firstly, it enhances the social status of the students.
Secondly, it broadens the perspective of students.
Finally, it builds the good connections among students.
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Basics: Writing Task 2 > Body
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
- ใช้คำเชื่อม (transitions) ระหว่างย่อหน้า
- ใช้หลักการเขียนย่อหน้า
- เขียนเรียงลำดับ idea เหมือนใน introduction
ตัวอย่าง
Introduction: | Children can learn English by (1) watching movies and (2) chatting with English-speaking friend. |
Body 1: | (1) By watching movies, children can learn accents and intonation. |
Body 2: | Furthermore, (2) by chatting with English-speaking friend, they can develop their speaking skills. |
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555
Reading: Section 3
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เราจะได้อ่านบทความในหัวข้อทั่วไป ความยาวประมาณ 900 คำ
และมีคำถามรวม 14 ข้อ ซึ่งเป็นคำถาม 3 แบบ
คำถาม 5 แบบที่ออกใน Section 3 บ่อยๆ คือ
- Paragraph Headings
- Pick from a List
- Summary Completion
- Summary Completion with a Box
- Classification
เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถามแต่ละแบบกันเลยครับ
PARAGRAPH HEADINGS
= เลือกหัวเรื่องให้กับย่อหน้า
- อ่านหัวเรื่อง และ วง keyword
- อ่านย่อหน้าแรก แล้วขีดเส้นใต้ประโยคที่เป็นใจความสำคัญ (main idea)
- อ่าน list ของหัวเรื่อง และวง keyword
- เลือกหัวเรื่อง ที่มีความหมายคล้าย ใจความสำคัญ (main idea)
* เลือกหัวเรื่องแต่ละอันได้เพียง 1 ครั้ง
PICK FROM A LIST
= เลือก 2-3 ตัวเลือก จาก 6 ตัวเลือก
- อ่านคำถามโดยละเอียด ดูว่าต้องเลือกกี่ตัวเลือก และมีค่ากี่คะแนน
- วง keyword ในคำถาม และตัวเลือก
- หา keyword ของตัวเลือก ใน passage
- ดูว่าตัวเลือกที่เลือก มีความหมายเหมือนกับ ประโยคใน passage * คำตอบอาจไม่เรียงตามลำดับใน passage
SUMMARY COMPLETION
= เติมคำหรือตัวเลขในบทสรุป
- อ่านหัวเรื่องของบทสรุป เพื่อดูว่าเกี่ยวกับอะไร
- อ่าน ทั้งบทสรุป เพื่อหาว่าบทสรุป อยู่ย่อหน้าไหนของ passage
- ดู ช่องว่าง แล้วดูว่าต้องเติมข้อมูลชนิดไหน เช่น ชื่อ คำนาม หรือ adjective
- วง keyword ที่อยู่รอบๆ ช่องว่าง
- หา keyword ใน passage แล้วดูว่าต้องเติมคำใดในช่องว่าง
* คำที่เอามาเติม อาจอยู่คนละย่อหน้า
SUMMARY COMPLETION WITH A BOX
= เติมคำหรือตัวเลขในบทสรุป โดยใช้คำที่ให้มาในกล่อง
- วิธีทำเหมือนกับ Summary Completion
- แต่ต่างที่ต้องใช้คำที่ให้มาในกล่อง และต้องเขียนคำตอบเป็นตัวอักษร
CLASSIFICATION
= จำแนกชนิดของ statement ที่โจทย์ให้มา
* ชนิด มักเป็นตัวเลือก A, B, C statement มักเป็นคำถามข้อ 1, 2, 3
- วง keyword ใน statement ข้อ 1
- วง "ชนิด" ใน passage ("ชนิด" จะเป็น ชื่อคน, วันเดือนปี หรือ คำนาม)
- อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง "ชนิด" แต่ละอัน ใน passage
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Reading: Section 2
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เราจะได้อ่านบทความในหัวข้อทั่วไป ความยาวประมาณ 900 คำ
และมีคำถามรวม 13 ข้อ ซึ่งเป็นคำถาม 3 แบบ
คำถาม 5 แบบที่ออกใน Section 2 บ่อยๆ คือ
- Matching
- Finding Information in Paragraphs
- Sentence Completion with a Box
- Yes / No / Not Given
- Multiple Choice
เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถามแต่ละแบบกันเลยครับ
MATCHING
= จับคู่
- อ่าน ตัวเลือกในกล่อง (เริ่มจาก A) เพราะมักจะเรียงตามลำดับใน passage
- วง keyword ของตัวเลือก
- หา keyword ของตัวเลือก ใน passage
- เมื่อเจอ keyword ให้อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง
- อ่าน list ของคำถาม แบบเร็วๆ เพื่อดูว่าข้อไหน ตรงกับประโยคที่เพิ่งอ่านใน passage
- ทำซ้ำขั้นตอนข้างต้นกับ ตัวเลือกอันต่อไป (B, C, D, ...)
* ตัวเลือกอาจจะถูกจับคู่ได้มากกว่า 1 ครั้ง เช่น ข้อ 1 ตอบ B แล้วข้อ 3 ตอบ B ได้อีก
FINDING INFORMATION IN PARAGRAPHS
= หาข้อมูลว่าอยู่ย่อหน้าไหน
- วง keyword ในคำถาม
- ดูว่าต้องหาข้อมูลประเภทไหน- อ่านย่อหน้าแรก แล้วอ่าน list ของคำถามแบบเร็วๆ
- วงคำในย่อหน้าที่ตรงกับ keyword ในคำถาม
- เขียน ตัวอักษรของย่อหน้า (A, B, C, ...) ข้างๆคำถาม
- ทำซ้ำขั้นตอนข้างต้นกับ คำถามข้อถัดไป
* แต่ละย่อหน้าอาจจะถูกจับคู่ได้มากกว่า 1 ครั้ง เช่น ข้อ 1 ตอบ B แล้วข้อ 3 ตอบ B ได้อีก
SENTENCE COMPLETION WITH A BOX
= จับคู่ 2 ประโยคย่อย เพื่อสร้างประโยคที่มีความหมายคล้ายกับใน passage
- อ่าน ส่วนแรกของประโยคที่ให้มา แล้ววง keyword
- หาประโยคที่มี keyword ใน passage
- เมื่อเจอ keyword ให้อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง เพื่อทำให้เข้าใจมากขึ้น
- อ่าน list ของ ส่วนที่สองของประโยคในกล่อง
- เลือกประโยคที่นำมาต่อแล้ว
มีความหมายคล้ายกับใน passage และถูกหลัก grammar
YES / NO / NOT GIVEN
= ดูว่า ประโยคที่ให้มา ถูก หรือ ผิด หรือ ไม่ถูกกล่าวถึง
Yes | ประโยคที่ให้มา มีความหมายคล้ายกับ ประโยคใน passage (พูดสิ่งเดียวกัน แต่ใช้คำที่ต่างกัน) |
|
No | ประโยคที่ให้มา มีความหมายตรงข้ามกับ ประโยคใน passage | |
Not Given | ประโยคที่ให้มา ไม่ถูกกล่าวถึง ใน passage |
ความต่าง
True / False / Not Given ทดสอบความเข้าใจ "ข้อมูล" ใน passage
Yes / No / Not Given ทดสอบความเข้าใจ "ความคิดเห็นของผู้เขียน"
- อ่านประโยคที่ให้มา
- วง keyword ในประโยคที่ให้มา
- หา keyword ใน passage
- อ่าน passage จาก บนลงล่าง ไม่ต้องกระโดดไปกระโดดมา
(เพราะคำถามเรียงตามลำดับใน passage)
- เมื่อเจอ keyword ให้อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง
- ตีความว่าความหมายตรงกับคำถาม หรือเปล่า
MULTIPLE CHOICE
= คำถาม 4 ตัวเลือก มี 2 แบบ
แบบที่ 1: มี 4 ตัวเลือก
แบบที่ 2: ให้ประโยคส่วนแรกมา แล้วมี 4 ตัวเลือกที่เป็นประโยคส่วนที่สอง
- วง keyword ในคำถาม
- หาและวง keyword ใน passage เพื่อจะได้รู้ว่าต้องอ่านตรงไหน
- วง keyword ในตัวเลือก
- อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง เพื่อทำให้เข้าใจมากขึ้น
- ตีความว่าความหมายตรงกับตัวเลือกข้อไหน
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Reading: Section 1
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เราจะได้อ่านบทความในหัวข้อทั่วไป ความยาวประมาณ 900 คำ
และมีคำถามรวม 13 ข้อ ซึ่งเป็นคำถาม 3 แบบ
คำถาม 6 แบบที่ออกใน Section 1 บ่อยๆ คือ
- Sentence Completion
- Short Answer Question
- Note / Table / Flow Chart Completion
- Labeling a Diagram
- True / False / Not Given
- Global Multiple Choice
เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถามแต่ละแบบกันเลยครับ
SENTENCE COMPLETION
= เติม คำหรือตัวเลข ในประโยค
- ดูที่ ช่องว่าง* แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข
- adjective มัก นำหน้า noun หรือ ตามหลัง verb to be เช่น is, am, are, was, were
เช่น good analysis, This analysis is good.
- การเติมคำต้องถูกตามหลัก grammar
* ช่องว่างแต่ละช่อง จะบอกได้ 3 อย่าง
(1) ชนิดคำ (noun, verb, adjective) (2) ชนิดข้อมูล (3) เอกพจน์ หรือ พหูพจน์
Ex: The _______ in London has attracted the attention of tourists around the world.
(1) ชนิดคำ: noun (2) ชนิดข้อมูล: สถานที่ท่องเที่ยว (ดูจาก tourists) (3) เอกพจน์ (ดูจาก has)
SHORT ANSWER QUESTION
= เติมคำตอบแบบสั้น
- เริ่มจากคำถามข้อแรก
- วงกลม Wh- word ในคำถาม เช่น what, where, when, why, who, whom, how
จะช่วยให้รู้สิ่งที่ถาม
Where? สถานที่ Which? สิ่งของ When? เวลา What? สิ่งของ
Why? สาเหตุ Who? คน How? วิธี
- วงกลม keyword ในคำถาม
- กลับไปอ่านใน passage ว่าเจอคำที่คล้ายๆ keyword หรือเปล่า
- ดูว่าคำถาม มันถามข้อมูลชนิดไหน แล้วดูว่าต้องเติมอะไร
NOTE / TABLE / FLOWCHART COMPLETION
= เติมคำใน note / table / flowchart
- อ่านทั้ง note / table / flow chart ก่อน หนึ่งรอบ ให้ทุกคำผ่านตา
- ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) และที่คำที่ให้มา เพื่อจะรู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
- ถ้าเป็น flowchart ทำความเข้าใจว่า process มันดำเนินไปยังไง
- วง keyword ที่อยู่ใกล้ๆ ช่องว่าง แล้วอ่าน passage หาคำที่ีมีความหมายเหมือน keyword
เพื่อช่วยให้หาคำตอบได้ง่ายขึ้น
- ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข
LABELING A DIAGRAM
= เติมชื่อสถานที่ในแผนที่ / แผนผัง
- อ่านทั้ง diagram ก่อน เพื่อรู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร
- อ่านคำที่ให้มาใน diagram
- ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น ชื่อสถานที่ หรือ ขั้นตอน
- ตอนอ่าน สังเกตคำที่บอกตำแหน่ง (ช่วยให้เราหาคำตอบได้ง่ายขึ้น) เช่น
in the middle, on the corner, next to, above/below, straight ahead, leads to
TRUE / FALSE / NOT GIVEN
= ดูว่า ประโยคที่ให้มา ถูก หรือ ผิด หรือ ไม่ถูกกล่าวถึง
True | ประโยคที่ให้มา มีความหมายคล้ายกับ ประโยคใน passage (พูดสิ่งเดียวกัน แต่ใช้คำที่ต่างกัน) |
|
False | ประโยคที่ให้มา มีความหมายตรงข้ามกับ ประโยคใน passage | |
Not Given | ประโยคที่ให้มา ไม่ถูกกล่าวถึง ใน passage |
- อ่านประโยคที่ให้มา
- วง keyword ในประโยคที่ให้มา
- หา keyword ใน passage
- อ่าน passage จาก บนลงล่าง ไม่ต้องกระโดดไปกระโดดมา
(เพราะคำถามเรียงตามลำดับใน passage)
- เมื่อเจอ keyword ให้อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง
- ตีความว่าความหมายตรงกับคำถาม หรือเปล่า
GLOBAL MULTIPLE CHOICE
= คำถามเกี่ยวกับ หัวข้อ (topic), ใจความสำคัญ (main idea), จุดประสงค์ (objectives) ของ passage
- วง keyword ในคำถาม และตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ
- อ่าน ประโยคที่เป็นใจความสำคัญในแต่ละย่อหน้าของ passage
(มักเป็นประโยคแรก หรือประโยคสุดท้าย)
- ตัดตัวเลือกที่ผิดแน่ๆออก แล้วดูว่าตัวเลือกไหนน่าจะถูก
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
เทคนิคไม่ลับเตรียมสอบ IELTS Speaking
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ก่อนสอบ Speaking
1. ยิ้ม : ) + มั่นใจเข้าไว้ **
2. friendly ทำให้ examiner ประทับใจตั้งแต่แรกพบ **
3. สบายๆ คิดซะว่าเข้าไปนั่งเม้ามอยกับเพื่อน
4. เริ่มต้นด้วยการทักทายที่เป็นมิตร
เรา: Good morning. It's nice to meet you. How are you?
Examiner: Good morning. My name is _____. Can you tell me you full name please?
เรา: My name is '<ชื่อจริง>' but please call me '<ชื่อเล่น>'
Examiner: Thank you. Can I see your identification, please?
เรา: ยื่นบัตรประชาชน หรือ passport ให้ examiner ตรวจ
Now, I'd like to ask you some questions about yourself.
ตอนสอบ Speaking
1. ถ้ากำลังคิดอยู่ อย่าเงียบไปดื้อๆ
ให้พูดว่า urr, umm, the thing is, well, Let me see
2. ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องจริงทั้งหมด
ถ้าคิดไม่ออก ก็แต่งเรื่องขึ้นมาเลย
เพราะ Examiner ไม่รู้หรอกว่าอะไรจริงไม่จริง
การสอบ Speaking เป็นเพียงการทดสอบทักษะในการพูด
หวังว่า เคล็ดไม่ลับในการสอบ Speaking ที่ผมนำมาฝาก จะช่วยเพื่อนๆได้บ้างนะครับ
แล้วเพื่อนๆ มีเคล็ดไม่ลับในการสอบ Speaking ที่อยากจะแชร์ หรือเปล่าครับ : )
Credits: IELTS Institute
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
คำเชื่อมประโยค (Connectives) Part 2
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
มีอยู่อีก 4 กลุ่มด้วยกันครับ
3. อย่างไรก็ตาม (ขัดแย้ง)
Still, | ||
---|---|---|
But, | ||
....... S + V ....... | Yet, | ....... S + V ....... |
However, | ||
Nevertheless, | ||
Nonetheless, |
He is smart. However, no one like him.
เขาฉลาด แต่ ไม่มีใครชอบเขา
4. เพราะว่า
because | ||
---|---|---|
since | ||
....... S + V ....... | for | ....... S + V ....... |
ผล | as | เหตุ |
seeing that | ||
now that |
She gets the highest score in the class because she works very hard.
เธอได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียน เพราะ เธอตั้งใจเรียนมาก
5. เพราะ / เนื่องจาก
due to | ||
---|---|---|
owing to | ||
....... S + V ....... | thanks to | ....... N / วลี ....... |
ผล | as a result of | เหตุ |
on account of | ||
because of |
She gets the highest score in the class due to hardworking.
เธอได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียน เพราะ ความขยัน
Due to hardworking, she gets the highest score in the class.
เพราะ ความขยัน เธอจึงได้คะแนนสูงสุดในชั้นเรียน
6. ดังนั้น
So, | ||
---|---|---|
Thus, | ||
....... S + V ....... | Hence, | ....... N / วลี ....... |
เหตุ | Therefore, | ผล |
Thereby, | ||
Consequently, |
She worked hard. Consequently, she could get the first place.
เธอตั้งใจเรียน ดังนั้น เธอจึงได้ที่หนึ่ง
Credits: Kru Somsri English School
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
คำเชื่อมประโยค (Connectives)
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
คำเชื่อมประโยคมีอยู่หลายกลุ่มด้วยกัน
แต่เราควรจะเริ่มจากคำเชื่อมที่พบเห็นได้ทั่วๆไป
"และ", "หรือ", "กว่า", "เช่น", ....
1. .............. and ..............
or
หน้าและหลัง and / or จะเป็นคำชนิดเดียวกัน
เช่น N N N and N -> The stationery are things such as pen, pencil, ruler and paper.
adj adj adj and adj -> He is dark, tall, rich and handsome.
2. .............. than ..............
ใช้เปรียบเทียบสองสิ่ง
เช่น Kids these days are more competitive than those in the past.
เปรียบเทียบ kids these days กับ those in the past
3. ยิ่งไปกว่านั้น (เสริมความ)
Besides, | ||
---|---|---|
Moreover, | ||
....... S + V ....... | Furthermore, | ....... S + V ....... |
+ | In addition, | + |
- | Additionally, | - |
He is so generous. Moreover, he always help other people.
เขาเป็นคนใจกว้าง ยิ่งไปกว่านั้น เขายังช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ
* ถ้าข้างหน้าเป็นความหมายบวก ข้างหลังก็เป็นความหมายบวก
4. ยกตัวอย่าง / เช่น (ขยายความ)
For example,
For instance, ....... S + V .......
To illustrate,
He has met many famous people. For example, he interviewed Obama last week.
such as ...... N / วลี ......
namely
There are various mode of transport namely bus, car, ship, train and plane.
Credits: Kru Somsri English School
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
การออกเสียง (Pronunciation)
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
วันนี้ผมจึงรวบรวม 4 ข้อผิดพลาดยอดฮิตในการออกเสียงมาฝากครับ
4 ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
1. / t / กับ / th /
/t/ ออกเสียงเหมือน 'ท'
/th/ ออกเสียงเหมือน 'ท' (เอาลิ้นมาไว้ระหว่างฟันบนกับฟันล่าง แล้วพูดคำว่า 'เดอะ')
Exercise
1. tin thin | 5. tick thick |
2. tank thanks | 6. taught thought |
3. torn thorn | 7. treat teeth |
4. part path | 8. tore thaw |
2. / l / กับ / r /
/l/ ออกเสียงเหมือน 'ล'
/r/ ออกเสียงเหมือน 'ล' (แบบห่อลิ้น)
Exercise
1. light right | 5. liver river |
2. pilot pirate | 6. late rate |
3. collect correct | 7. loud round |
4. lane rain | 8. load road |
3. / v / กับ / w /
/w/ ออกเสียงเหมือน 'ว'
/v/ ออกเสียงเหมือน 'ว' + 'ฟ' (เอาฟันบนกัดปากล่างแล้วพูดคำว่า 'วี')
Exercise
1. wow vow | 5. while vile |
2. wheel veal | 6. west vest |
3. worse verse | 7. wine vine |
4. wet vet | 8. wiper viper |
4. กริยารูปอดีตที่ลงท้ายด้วย - ed
ลงท้ายด้วยเสียง
/ t / ท' | / d / ด' | / Id / 'เอ็ด' |
---|---|---|
looked ลุคท' watched ว้อชท' crashed แคลชท' jumped จัมท' stopped สตอปท' |
travelled ทราเวลด' enjoyed เอนจอยด' loved เลิฟด' arrived อาร์ไรฟ'ด' moved มูฟ'ด' |
waited เวทเท็ด visited วิสิทเท็ด rested เรสเท็ด hated เฮทเท็ด |
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Basics: Writing Task 2 > Paragraph
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
1. Topic Sentence = ใจความสำคัญของย่อหน้า (มักเป็นประโยคแรกของย่อหน้า)
2. Supporting Idea = ส่วนขยายความ topic sentence
3. Specific Details / Examples = ตัวอย่าง เป็นส่วนขยายความ supporting idea
Topic Sentence = | Topic | + | Controlling Idea |
เรื่องที่จะพูดถึง | ความคิดเห็นของผู้เขียน |
เช่น | Physical Education | should not be included in school curriculum. |
<Topic> | <Controlling idea> | |
Aerobic exercises | has several positive effects on our health. | |
<Topic> | <Controlling idea> |
(1) กว้างไป: | Many people do not like science. |
(2) แคบไป: | I do yoga 20 minutes every evening. |
(3) ไม่มี controlling idea: | The subject of this paragraph is my daily schedule. <มีเพียง topic> |
แบบฝึกหัด: เขียน topic sentence ให้แต่ละย่อหน้า
Topic sentence คือ "People keep pets for several purposes."
เพราะ สังเกตได้จากคำเชื่อม (ตัวหนา) จะบอกถึงประโยคที่เป็น supporting idea
ซึ่งต่างพูดถึงเหตุผลที่คนเลี้ยงสัตว์เลี้ยงไว้
2. SUPPORTING IDEA
- ควรเขียนให้เฉพาะเจาะจง (specific)
- ไม่ควรซ้ำกับสิ่งที่เขียนไปใน topic sentence
แบบฝึกหัด: เขียน supporting idea ให้แต่ละประโยค
I. Mathematics is my favorite subject.
a) Mathematics is the basis of all subjects.
b) It is challenging to solve math problems.
c) It is fun and thought-provoking.
II . Thai education system is a failure.
a) Knowledge cannot be applied the real-world situations.
b) It does not enhance analytical skills of the students.
c) Admission exams are unreliable and unstable.
แบบฝึกหัด: เขียน specific details / examples ในย่อหน้า
(a) Thailand is a famous holiday destination of travelers around the world. (b) For one thing, the cost of living is quite low compared to other countries. (c) ______________________. (d) In addition, the famous delectable Thai dishes may the best in the world. (e) _______________________. (f) Finally, beautiful natural scenery in all regions of Thailand also attracts tourists. (g) __________________. |
(a) = topic sentence
(b), (d), (f) = supporting idea 1, 2, 3
(สังเกต supporting idea ได้จาก คำเชื่อม เช่น In addition, Finally)
เฉลย
(c) The food cost is only around 35 to 40 baht per meal which is about two thirds of cost in developed nations.
(e) Tom Yum Koong, for example, is accepted worldwide as a nutritious and delicious dish.
(g) For instance, in the northern region, the mountainous landscapes with beautiful flower attract millions of tourists each year.
Credits: Enconcept
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
Writing Task 1 - Line Graph (ep.2) เทคนิคการแต่งประโยค
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เทคนิคการแต่งประโยคอธิบาย Line Graph
มีโครงสร้างประโยค 2 แบบ
1. [Number of ...] + verb + adverb
2. There was a + adjective + noun + in [number of ...]
โครงสร้าง 1: [Number of ...] + verb + adverb
เพิ่มขึ้น increased / ascended / soared / surged rose / grew / climbed / jumped went up / moved upward ลดลง decreased / dropped / dipped / declined went down / fell plunged / plummeted (ดิ่งลงเยอะ) |
ปริมาณของการเปลี่ยนแปลง - dramatically - vastly / hugely / enormously - substantially / considerably / significantly - moderately - slightly / a little ความเร็วของการเปลี่ยนแปลง - rapidly / quickly / swiftly - gradually / continuously - slowly |
fluctuated ผันผวน | significantly moderately slightly |
remained คงที่ | constant steady stable |
stayed คงที่ | the same |
ตัวอย่าง
The popularity of swimming rose dramatically by 5% from 1990 to 2000. (เพิ่มขึ้นอย่างมาก)
The number of visits of London dropped gradually from 10% to 7%. (ค่อยๆลดลง)
โครงสร้าง 2: There was a + adjective + noun + in [number of ...]
ปริมาณที่เปลี่ยน | ลักษณะการเปลี่ยน | ระยะเวลา / ตัวเลข | ||
There was a | มาก considerable rapid dramatic significant marked sharp คงที่ steady moderate เล็กน้อย gradual slow slight |
การเพิ่มขึ้น leap jump increase rise growth ascent การลดลง drop decline decrease fall dip |
in [number of ...] | from May to June between May and June from 50% to 75% |
significant moderate slight |
การผันผวน fluctuation |
ตัวอย่าง
There was a dramatic growth in popularity of swimming by 5% from 1990 to 2000. (เพิ่มขึ้นอย่างมาก)
There was a gradual decline in number of visits of London from 10% to 7%. (ค่อยๆลดลง)
** หมายเหตุ **
- โครงสร้าง 2 เป็น การสลับเอา Subject ของโครงสร้าง 1 มาไว้หลัง in
- adverb ของโครงสร้าง 1 ถูกเปลี่ยนเป็น adjective ของโครงสร้าง 2
- verb ของโครงสร้าง 1 ถูกเปลี่ยนเป็น noun ของโครงสร้าง 2
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
เคล็ดไม่ลับ IELTS Speaking Part 2
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
ใน Speaking Part 2 เราจะมีเวลาเตรียมพูด 1 นาทีในหัวข้อที่กำหนด
ใน topic card (card หัวข้อคำถาม)
ควรใช้เวลาพูด 1-2 นาที
หลังจากนั้น Examiner จะถามเรา 1-2 คำถามในตอนท้าย
หัวข้อที่เราต้องพูดจะเกี่ยวกับตัวเราเอง (personal)
ใน topic card จะมีอยู่ 3-4 คำถาม
Describe the place you have visited.
You should say:
o What is this place?
o When did you visit it?
o Who did you go with?
1. เขียน keyword ลงกระดาษ note อย่างบ้าคลั่ง อย่าหยุด
2. เขียนเป็น note form (เขียนเป็นคำ ไม่ต้องเขียนเป็นประโยค)
3. เขียนให้ได้อย่างน้อย 15 คำ
4. เขียน question words แล้วเขียนตอบ เช่น
Where?
When?
Why?
What?
Who with?
How?
5. เขียน ความรู้สึกของเราเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนด
You should say:
o What kind of competition it was?
o How you found out about it?
o What you had to do?
o What prizes you received?
WHAT
- Spelling bee competition
- Spell the vocab
HOW
- Student’s affairs website
WHAT
- 2 rounds
- 1st round: dictation – given 10 words
- 2nd round: writing a word on the board
WHAT PRIZES
- 1000 baht Gift voucher - buying books at uni’s book store
1. พูดต่อไปเรื่อยๆ อย่างบ้าคลั่ง อย่าเงียบ
ไม่งั้น Examiner จะหยุดเรา แล้วไม่ให้เราพูดต่อ (อาจจะเสียคะแนน)
2. ถ้าคิดไม่ออก ให้พูดว่า err, umm, well, the thing is, let me see เพื่อไม่ให้เงียบ
3. ต้องตอบให้ครบทุกคำถามใน topic card (ตอบไม่ครบ อาจเสียคะแนน)
เป็นไงบ้างครับ เทคนิคใน Part 2 น่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคส่วนตัว ในการสอบ Speaking Part 2 มั้ยครับ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
เคล็ดไม่ลับ IELTS Speaking Part 3
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
Part 3 เป็นการอภิปรายโต้ตอบ (Discussion) ใช้เวลา 4-5 นาที
โดยหัวข้อคำถามจะเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับ Part 2
แต่ใน Part 3 เราจะพูดจากมุมมองของคนอื่น ไม่ใช่ของเรา
- Do you agree or disagree with giving prizes to the kids performing well at school?
- Do you think young kids have become more competitive than in your time?
เทคนิคง่ายๆ Part 3
1. ห้ามตอบแค่ yes / no
2. ตอบโดยใช้ format "ความเห็นของเรา + สาเหตุ 1 + ตัวอย่าง 1 + สาเหตุ 2 + ตัวอย่าง 2"
Q: Do you think young kids have become more competitive than in your time?
- ความเห็นของเรา | Yes, the students have become more competitive .. |
- สาเหตุ 1 | due to social pressure. |
- ตัวอย่าง 1 | Their parents expect them to graduate from prestigious
institution to ensure that they will have good life quality and high social status. |
- สาเหตุ 2 | Plus, the number of available places in the school are limited |
- ตัวอย่าง 2 | so they have to work harder to obtain their places. |
A: Yes, (อย่าจบตรงนี้) the students have become more competitive due to social pressure. Their parents expect them to graduate from prestigious institution to ensure that they will have good life quality and high social status. Plus, the number of available places in the school are limited so they have to work harder to obtain their places.
3. ถ้าคิดไม่ออก ถ่วงเวลาได้โดยพูดว่า
"That's a good question.", "Well, let me think.", "Well, let me see."
แต่พูดได้อย่างละครั้งเท่านั้น
4. ถ้าไม่เข้าใจคำถาม พูดว่า
- ถ้าไม่เข้าใจคำถาม: | Could you explain what you mean, please? |
- ถ้าฟังไม่ทัน: | Could say that again, please? |
- ถามเพื่อยืนยันความเข้าใจ: | Do you mean ...? |
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
การให้คะแนน (Scoring) ของ Speaking
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
1. Grammar
- ใช้ โครงสร้างประโยค (Sentence Structure) ที่หลากหลายหรือไม่
- ใช้ Tense ที่หลากหลายหรือไม่
- ใช้ "คำเชื่อมประโยค (connectives)" ได้ถูกต้องหรือไม่
- "คำเชื่อมประโยค (connectives) Part 2"
3. Fluency (Natural Flow)
- การพูด ต่อเนื่องดี หรือไม่
- การพูด เป็นธรรมชาติ หรือไม่
- เนื้อหาที่พูด มีความสอดคล้องกัน หรือไม่
- การอ่านออกเสียงคำ (pronunciation) ถูกต้องหรือไม่
- การเน้นเสียง (stress) ถูกต้องหรือไม่
- การออกเสียงสูงต่ำ (intonation) ถูกต้องหรือไม่
- ใช้ คำศัพท์ (vocabulary) ที่หลากหลาย หรือไม่
- มี การถอดความ (paraphrase) หรือไม่
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Listening Section 1
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เราจะได้ฟังบทสนทนาระหว่างคน 2 คนเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน
เช่น การจองที่พัก การจองตั๋วเครื่องบิน
ส่วนใหญ่จะเป็นการถามข้อมูลเพื่อกรอกแบบฟอร์ม
คำถาม 2 ชนิดที่ออกใน Section 1 บ่อยๆ คือ Form Filling และ Labeling a map/plan
เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถาม 2 ชนิดนี้
FORM FILLING
= เติมคำในฟอร์มกรอกข้อมูล
- ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) และที่ช่องว่าง
- เดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน และต้องเติม ตัวเลข ข้อความ หรือ ทั้งสองอย่าง
Room Reservation Form
ชนิดของข้อมูล | เติม | ||
Name: | Marwin Edwards | ชื่อคนจอง | ข้อความ |
Phone number: | ___________ | เบอร์โทรศัพท์ | ตัวเลข |
Date: | ___________ | วันที่เข้าพัก | ตัวเลข |
Arrival Time: | 2.10 pm | เวลาที่มาถึง | สองอย่าง |
Nights: | 2 | จำนวนคืนที่อยู่ | ตัวเลข |
Room type: | ___________ | ชนิดของห้อง | ข้อความ |
More... * หมายเหตุ
- เวลาอ่านได้หลายแบบ
อ่านว่า | ||
เช่น | 2:10 pm | "two ten" หรือ "ten past two in the afternoon" |
10:45 pm | "ten fifteen" หรือ "fifteen past ten in the morning" | |
6:45 am | "six forty-five" หรือ "quarter to seven" |
- วันที่อ่านได้หลายแบบ
อ่านว่า | ||
เช่น | 3rd February | "third of February" หรือ February the third" |
27th January | "twenty-seventh of January" หรือ "twenty-seventh of the first" |
LABELING A MAP / PLAN
= เติมชื่อสถานที่ในแผนที่ / แผนผัง
- อ่านคำที่ให้มาในรูปภาพ หรือแผนที่ เพื่อจะรู้ว่าตอนนี้ผู้พูดพูดถึงตรงไหนของรูปภาพ หรือแผนที่
- ตอนฟัง สังเกตคำที่บอกตำแหน่ง เช่น (ช่วยให้เราหาคำตอบได้ง่ายขึ้น)
in the middle, on the corner, next to, above/below, straight ahead,
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ
Listening Section 4
★ อ่านแล้วใช่ กด Like เลย! ขอบคุณครับ! |
เราจะได้ฟังการบรรยาย (lecture) ของคน 1 คน ในหัวข้อเรื่องวิชาการ
คำถามที่พบบ่อยใน Section 4 คือ
- Note Completion
- Flow Chart Completion
- Classification
เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถาม 3 ชนิดนี้
NOTE COMPLETION
= เติมคำหรือวลีในบทสรุป หรือ note
- อ่านทั้ง note ก่อน หนึ่งรอบ ให้ทุกคำผ่านตา
- ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) และที่คำที่ให้มา เพื่อจะรู้ว่าบทสรุปเกี่ยวกับเรื่องอะไร
- วง keyword ที่อยู่ใกล้ๆ ช่องว่าง แล้วคอยฟังคำที่ีมีความหมายเหมือน keyword
เพื่อช่วยให้หาคำตอบได้ง่ายขึ้น
- ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข
References for Report | ชนิดของข้อมูล | เติม |
Species of Spider by Stephen Davis | ||
- Pros: _________________ | ข้อดีของหนังสือ | noun / phrase |
- Cons: few photographs of spider | ||
Colorful Insects by _____________ | ชื่อผู้แต่ง | noun |
- Pros: ____ analysis | ข้อดีของหนังสือ | adjective |
- Cons: - | ||
____________ by L. Bivons, J. Kendo | ชื่อหนังสือ | noun |
- Pros: ______ enough illustrations | ข้อดีของหนังสือ | verb |
- Cons: no analysis on differentiation |
FLOW CHART COMPLETION
= เติมคำหรือวลี ใน flow chart
- อ่านทั้ง flow chart ก่อน หนึ่งรอบ ให้ทุกคำผ่านตา
- ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) และที่คำที่ให้มา เพื่อจะรู้ว่า flow chart เกี่ยวกับเรื่องอะไร
- ทำความเข้าใจว่า process มันดำเนินไปยังไง
- ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน
M&M's Candies Production | ชนิดข้อมูล | เติม | เฉลย |
---|---|---|---|
The liquid milk chocolate poured into the (1) ____. | ภาชนะ | noun | mold |
Chocolate left to (2) ______. | กริยา | verb | harden |
Candy shell applied to chocolate by (3) _____. | การกระทำ / สิ่งของ | noun | panning |
Candies weighed and packaged by (4) ______. | การกระทำ / สิ่งของ | noun | finishing machine |
The machine (5) _____ the package. | กริยา | verb | sealed |
จากการอ่านหัวข้อกับคำที่ให้มา:
flow chart เกี่ยวกับกระบวนการผลิตขนม m&m
เปลือกถูกเคลือบบน chocolate โดย .....
ขนมถูกชั่งน้ำหนัก แล้วบรรจุลงห่อ โดย .....
เครื่อง ..... ห่อขนม
Credits: ehow - How Is the Candy M&M's Made?
CLASSIFICATION
= แยกชนิด โดยเติมตัวอักษร
- ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) เพื่อจะรู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
- ดูว่า คำถาม แต่ละข้อ มีอะไรที่เหมือนกัน
- ดูว่า ตัวเลือก (A, B, C, ...) เชื่อมโยงกับคำถามยังไง
- ระหว่างฟัง ดูว่าตัวเลือก เหมาะสมกับ คำถามข้อไหนมากสุด
Which type of wastes do the following items belong to?
เฉลย | ||
A green waste
B non-renewable waste C toxic waste |
1. tree leave
2. ceramic dish
3. phone battery
4. plastic bag |
(A) (B) (C) (B) |
จากการอ่านหัวข้อและคำถาม:
ความเชื่อมโยง ตัวเลือก-คำถาม คือ
โจทย์ให้เราแยกว่าสิ่งของแต่ละอัน (ขวา) เป็นขยะชนิดไหน (ซ้าย)
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ