เราจะได้อ่านบทความในหัวข้อทั่วไป ความยาวประมาณ 900 คำ
และมีคำถามรวม 13 ข้อ ซึ่งเป็นคำถาม 3 แบบ
คำถาม 6 แบบที่ออกใน Section 1 บ่อยๆ คือ
- Sentence Completion
- Short Answer Question
- Note / Table / Flow Chart Completion
- Labeling a Diagram
- True / False / Not Given
- Global Multiple Choice
เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถามแต่ละแบบกันเลยครับ
SENTENCE COMPLETION
= เติม คำหรือตัวเลข ในประโยค
- ดูที่ ช่องว่าง* แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข
- adjective มัก นำหน้า noun หรือ ตามหลัง verb to be เช่น is, am, are, was, were
เช่น good analysis, This analysis is good.
- การเติมคำต้องถูกตามหลัก grammar
* ช่องว่างแต่ละช่อง จะบอกได้ 3 อย่าง
(1) ชนิดคำ (noun, verb, adjective) (2) ชนิดข้อมูล (3) เอกพจน์ หรือ พหูพจน์
Ex: The _______ in London has attracted the attention of tourists around the world.
(1) ชนิดคำ: noun (2) ชนิดข้อมูล: สถานที่ท่องเที่ยว (ดูจาก tourists) (3) เอกพจน์ (ดูจาก has)
SHORT ANSWER QUESTION
= เติมคำตอบแบบสั้น
- เริ่มจากคำถามข้อแรก
- วงกลม Wh- word ในคำถาม เช่น what, where, when, why, who, whom, how
จะช่วยให้รู้สิ่งที่ถาม
Where? สถานที่ Which? สิ่งของ When? เวลา What? สิ่งของ
Why? สาเหตุ Who? คน How? วิธี
- วงกลม keyword ในคำถาม
- กลับไปอ่านใน passage ว่าเจอคำที่คล้ายๆ keyword หรือเปล่า
- ดูว่าคำถาม มันถามข้อมูลชนิดไหน แล้วดูว่าต้องเติมอะไร
NOTE / TABLE / FLOWCHART COMPLETION
= เติมคำใน note / table / flowchart
- อ่านทั้ง note / table / flow chart ก่อน หนึ่งรอบ ให้ทุกคำผ่านตา
- ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) และที่คำที่ให้มา เพื่อจะรู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
- ถ้าเป็น flowchart ทำความเข้าใจว่า process มันดำเนินไปยังไง
- วง keyword ที่อยู่ใกล้ๆ ช่องว่าง แล้วอ่าน passage หาคำที่ีมีความหมายเหมือน keyword
เพื่อช่วยให้หาคำตอบได้ง่ายขึ้น
- ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข
LABELING A DIAGRAM
= เติมชื่อสถานที่ในแผนที่ / แผนผัง
- อ่านทั้ง diagram ก่อน เพื่อรู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร
- อ่านคำที่ให้มาใน diagram
- ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น ชื่อสถานที่ หรือ ขั้นตอน
- ตอนอ่าน สังเกตคำที่บอกตำแหน่ง (ช่วยให้เราหาคำตอบได้ง่ายขึ้น) เช่น
in the middle, on the corner, next to, above/below, straight ahead, leads to
TRUE / FALSE / NOT GIVEN
= ดูว่า ประโยคที่ให้มา ถูก หรือ ผิด หรือ ไม่ถูกกล่าวถึง
True | ประโยคที่ให้มา มีความหมายคล้ายกับ ประโยคใน passage (พูดสิ่งเดียวกัน แต่ใช้คำที่ต่างกัน) |
|
False | ประโยคที่ให้มา มีความหมายตรงข้ามกับ ประโยคใน passage | |
Not Given | ประโยคที่ให้มา ไม่ถูกกล่าวถึง ใน passage |
- อ่านประโยคที่ให้มา
- วง keyword ในประโยคที่ให้มา
- หา keyword ใน passage
- อ่าน passage จาก บนลงล่าง ไม่ต้องกระโดดไปกระโดดมา
(เพราะคำถามเรียงตามลำดับใน passage)
- เมื่อเจอ keyword ให้อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง
- ตีความว่าความหมายตรงกับคำถาม หรือเปล่า
GLOBAL MULTIPLE CHOICE
= คำถามเกี่ยวกับ หัวข้อ (topic), ใจความสำคัญ (main idea), จุดประสงค์ (objectives) ของ passage
- วง keyword ในคำถาม และตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ
- อ่าน ประโยคที่เป็นใจความสำคัญในแต่ละย่อหน้าของ passage
(มักเป็นประโยคแรก หรือประโยคสุดท้าย)
- ตัดตัวเลือกที่ผิดแน่ๆออก แล้วดูว่าตัวเลือกไหนน่าจะถูก
ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ
ขอบคุณมากเลยคะ
ตอบลบ