วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Reading: Section 1

ใน Section 1 ของ part Reading
เราจะได้อ่านบทความในหัวข้อทั่วไป ความยาวประมาณ 900 คำ
และมีคำถามรวม 13 ข้อ ซึ่งเป็นคำถาม 3 แบบ

คำถาม 6 แบบที่ออกใน Section 1 บ่อยๆ คือ
-  Sentence Completion
-  Short Answer Question
-  Note / Table / Flow Chart Completion
-  Labeling a Diagram
-  True / False / Not Given
-  Global Multiple Choice

เราจะได้รู้จักเทคนิคในการรับมือกับคำถามแต่ละแบบกันเลยครับ

SENTENCE COMPLETION
= เติม คำหรือตัวเลข ในประโยค

-    ดูที่ ช่องว่าง* แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข
       -   adjective มัก นำหน้า noun หรือ ตามหลัง verb to be เช่น is, am, are, was, were
            เช่น   good analysis, This analysis is good.
-    การเติมคำต้องถูกตามหลัก grammar 

*   ช่องว่างแต่ละช่อง จะบอกได้ 3 อย่าง
     (1) ชนิดคำ (noun, verb, adjective)     (2) ชนิดข้อมูล        (3) เอกพจน์ หรือ พหูพจน์

     Ex:   The _______ in London has attracted the attention of tourists around the world.
     (1)  ชนิดคำ: noun     (2)  ชนิดข้อมูล: สถานที่ท่องเที่ยว (ดูจาก tourists)    (3) เอกพจน์ (ดูจาก has)


SHORT ANSWER QUESTION
=  เติมคำตอบแบบสั้น

-   เริ่มจากคำถามข้อแรก
-   วงกลม Wh- word ในคำถาม เช่น what, where, when, why, who, whom, how
     จะช่วยให้รู้สิ่งที่ถาม
         Where?   สถานที่      Which?   สิ่งของ       When?  เวลา        What?   สิ่งของ
         Why?      สาเหตุ       Who?     คน               How?    วิธี
-   วงกลม keyword ในคำถาม
-   กลับไปอ่านใน passage ว่าเจอคำที่คล้ายๆ keyword หรือเปล่า
-   ดูว่าคำถาม มันถามข้อมูลชนิดไหน แล้วดูว่าต้องเติมอะไร


NOTE / TABLE / FLOWCHART COMPLETION
= เติมคำใน note / table / flowchart

-    อ่านทั้ง note / table / flow chart ก่อน หนึ่งรอบ ให้ทุกคำผ่านตา
-    ดูที่ หัวข้อเรื่อง (heading) และที่คำที่ให้มา เพื่อจะรู้ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
-    ถ้าเป็น flowchart ทำความเข้าใจว่า process มันดำเนินไปยังไง
-    วง keyword ที่อยู่ใกล้ๆ ช่องว่าง แล้วอ่าน passage หาคำที่ีมีความหมายเหมือน keyword
      เพื่อช่วยให้หาคำตอบได้ง่ายขึ้น
-    ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น noun, verb, adjective หรือ ตัวเลข


LABELING A DIAGRAM
= เติมชื่อสถานที่ในแผนที่ / แผนผัง

-   อ่านทั้ง diagram ก่อน เพื่อรู้ว่ามันเกี่ยวกับอะไร
-   อ่านคำที่ให้มาใน diagram
-   ดูที่ ช่องว่าง แล้วเดาว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลชนิดไหน เช่น ชื่อสถานที่ หรือ ขั้นตอน
-   ตอนอ่าน สังเกตคำที่บอกตำแหน่ง (ช่วยให้เราหาคำตอบได้ง่ายขึ้น) เช่น
         in the middle, on the corner, next to, above/below, straight ahead, leads to


TRUE / FALSE / NOT GIVEN
= ดูว่า ประโยคที่ให้มา ถูก หรือ ผิด หรือ ไม่ถูกกล่าวถึง

    True ประโยคที่ให้มา มีความหมายคล้ายกับ  ประโยคใน passage
(พูดสิ่งเดียวกัน แต่ใช้คำที่ต่างกัน)
    False ประโยคที่ให้มา มีความหมายตรงข้ามกับ  ประโยคใน passage
    Not Given     ประโยคที่ให้มา ไม่ถูกกล่าวถึง ใน passage

-    อ่านประโยคที่ให้มา
-    วง keyword ในประโยคที่ให้มา
-    หา keyword ใน passage
-    อ่าน passage จาก บนลงล่าง ไม่ต้องกระโดดไปกระโดดมา
      (เพราะคำถามเรียงตามลำดับใน passage)
-    เมื่อเจอ keyword ให้อ่าน 2 ประโยคหน้า + หลัง
-    ตีความว่าความหมายตรงกับคำถาม หรือเปล่า


GLOBAL MULTIPLE CHOICE
 = คำถามเกี่ยวกับ หัวข้อ (topic), ใจความสำคัญ (main idea), จุดประสงค์ (objectives) ของ passage

-    วง keyword ในคำถาม และตัวเลือกทั้ง 4 ข้อ
-    อ่าน ประโยคที่เป็นใจความสำคัญในแต่ละย่อหน้าของ passage
      (มักเป็นประโยคแรก หรือประโยคสุดท้าย)
-    ตัดตัวเลือกที่ผิดแน่ๆออก แล้วดูว่าตัวเลือกไหนน่าจะถูก


ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน
แล้วเพื่อนๆ มีเทคนิคในการรับมือคำถามพวกนี้ยังไงบ้างครับ

ลองเอาไปใช้กันดูนะครับ ถ้าทำแล้ว คะแนนต้องมีการพัฒนาแน่นอน : )
ถ้าใช้ได้ผล อย่าลืมมา Like และแชร์กันได้เลยนะครับ

Back to main page

1 ความคิดเห็น: